รางวัลวรรณกรรม ยึดผลงานหรือสายตากรรมการ…เมื่อต้องอยู่ในหลักเกณฑ์และเเตะหัวใจคนอ่าน

เปิดเวทีรางวัลชมนาด ส่งเสริมเเละพัฒนางานเขียนสตรีไทย กับเสวนาประเด็นที่กำลังกับประเด็นที่ถูกกล่าวถึงในวงการวรรณกรรมอย่าง “รางวัลวรรณกรรมขึ้นอยู่กับผลงานหรือกรรมการ” ณ งานประกาศผลตัดสินรางวัลชมนาดครั้งที่ 8 (FICTION-NOVEL) วันจันทร์ ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ.2562 ห้องประชุมชั้น 29 ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่สีลม   โดยในปีนี้ ไม่มีผลงานวรรณกรรมใดที่เหมาะสมจะได้รับรางวัลชนะเลิศและรองชนะเลิศ ซึ่งทางบริษัทสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น จำกัด ร่วมกับธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้จัดงานเตรียมนำเงินรางวัลไปใช้เพื่อพัฒนาวงการนักเขียนหญิงไทย

@ปัญหาที่งานเขียนหรือสายตากรรมการ?

เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ นักเขียนรางวัลซีไรต์และกรรมการตัดสินรางวัลกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับทั้งสองอย่าง เพราะผลงานเป็นเสรีภาพในการจินตนาการ พอเข้ามาก็ต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องเคารพ โดยเกณฑ์ในการวินิจฉัยถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ เนื้อเรื่อง และศิลปะการนำเสนอหรือรูปแบบในการประพันธ์ ผลงานที่ส่งเข้ามาในปีนี้มีเนื้อเรื่องดีทุกเรื่อง แต่เมื่อพิจารณาทั้ง 2 ส่วนประกอบกันกันแล้ว เนื้อหาดีแต่ใช้รูปแบบในการนำเสนอที่มีข้อด้อย ข้อเด่นต่างกัน ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วจึงยังไม่มีผลงานที่ถึงมาตรฐานของรางวัลที่เราอยากจะให้เป็น

ด้านกนกวลี พจนปกรณ์ นายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เวทีของเรามีจุดประสงค์หลักคือการเปิดโอกาสให้นักเขียนหญิง ส่งเสริมเผยเเพร่ผลงานของหญิงไทยออกสู่สากล เเละสนับสนุนให้คนไทยรักการอ่าน โดยคณะกรรมการเเละนักเขียนต้องเคารพวัตถุประสงค์เหล่านี้  เเม้ว่าเราอยากจะให้ทุกท่านได้รางวัล เเต่ท้ายที่สุดต้องดูกันที่พล็อตเรื่อง มีเเก่นเเกนอย่างไร จะนำผู้อ่านไปได้อย่างไร เมื่อมีเนื้อหาชัดเจน ต้องกลับมาดูว่าผู้เขียนตอบโจทย์ให้คนอ่านรู้สึกถึงหรือไม่  โดยจะต้องเเตะหัวใจ อารมณ์โดนใจคนอ่านด้วย บางเรื่องเเตะหัวใจเเต่วรรณศิลป์ไม่มี ต้องพิจารณาทั้งรูปแบบเนื้อหาเเละกลวิธีนำเสนองดงามเสมอกัน สำหรับปีนี้ ผลงานส่วนใหญ่ยังขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง จึงต้องตัดสินโดยยึดหลักการเเละมาตรฐานเป็นหลัก

“วรรณกรรมจะต้องมีทั้งเรื่องเเละทั้งรส การถ่ายทอดอารมณ์ของเเต่ละคนไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับเทคนิค อีกทั้งจังหวะการตัดต่อก็สำคัญ ฉากไหนจะจบเร็วหรือเชื่อมกันอย่างไร เเม้เป็นเรื่องเล็กน้อยเเต่เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ นอกจากนี้มุมมองของผู้เล่าก็สำคัญด้วย ซึ่งเเต่ละมุมมองจะเเตกต่างกัน เเละนำไปสู่การพัฒนาจุดประสงค์ของนักเขียนที่จะสื่อออกไปหาคนอ่านถูกหรือไม่ โจทย์ของชมนาดจึงมีความพิเศษในหลายด้าน”

ขณะที่ ดร.ถนอมวงศ์ ล้ำยอดมรรคผล รองประธานสมาพันธ์องค์กรเพื่อพัฒนาหนังสือและการอ่าน เเละอดีตนายกสมาคมนักแปลและล่ามแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในปีนี้ กรรมการลงมติเป็นเอกฉันท์ เเสดงความเห็นไปในทางเดียวกัน เรามองว่าในฐานะครูภาษาไทย นอกจากรูปแแบบเนื้อหาเเละวรรณศิลป์ สิ่งสำคัญคือการใช้ภาษา มีการเว้นวรรคเเละสะกดผิด การใช้ภาษาไม่ตรงกับบริบทของเรื่อง จึงคิดว่าหากมีการเเปลในอนาคตอาจทำให้สับสน บางเรื่องรู้สึกว่าเคยอ่านมาเเล้ว ก็เกิดความไม่เเน่ใจว่าอาจจะไปใกล้เคียงกับผลงานของคนอื่นหรือไม่ หรืออาจเป็นเเค่การได้รับเเรงบันดาลใจมา

“การใช้ภาษาสำคัญมาก คนรุ่นหลังต้องได้รู้ว่าวรรณกรรมที่ได้รับรางวัลนั้นหมายถึงการได้รับการขัดเกลาภาษามาเเล้ว เเละความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งสำคัญมากในวรรณกรรมยุคดิจิทัล เล่มไหนได้รับรางวัลเราก็หวังว่าจะมีคนอ่านไปอีกหลายปี รวมถึงการได้เป็นวรรณกรรมตัวอย่างด้วย”

ทั้งนี้ ฝากถึงการพัฒนาการเขียนของเยาวชนไทยว่า เริ่มเเรกคือการอ่าน เป็นอ่านเพื่อสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ เเละจะต้องอ่านเยอะกว่าปกติเเละต้องอ่านให้หลากหลาย

ด้านนรีภพ จิระโพธิรัตน์ อดีตบรรณาธิการนิตยสารสกุลไทยและประธานกรรมการรอบคัดเลือกรางวัลชมนาด กล่าวว่า เราเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “ไม่มีใครได้ทุกอย่างดั่งใจหวังเเละไม่มีใครพลาดหวังทุกครั้งไป” เป็นประโยคให้กำลังใจที่สร้างเเรงกระเพื่อมให้กับผู้คนเเม้เวลาจะผ่านไปนานเเค่ไหน ดังนั้นผลงานที่ดีต้องคู่ไปกับกรรมการ สำนักพิมพ์เเละคนอ่าน  เปรียบเสมือนจุดตะเกียงหนึ่งดวงเพื่อเผยเเพร่ไปอีกหลายดวง เหมือนรางวัลชมนาดที่ต้องออกไปสู่สากล 

จะพัฒนางานเขียนของสตรีไทยอย่างไรได้บ้าง ?

เนาวรัตน์ ระบุว่า จากการตั้งข้อสังเกตเห็นว่านักเขียนหญิงมีความคิดที่ละเอียดเเต่ขาดส่วนกว้าง ในขณะที่นักเขียนชายจะมีความคิดที่กว้างกว่า ยึดโครงสร้างเเต่ขาดความละเอียด อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับบุคคล  ซึ่งในสมัยใหม่งานวรรณกรรมต้องการทั้งสองเเบบ ต้องเติมเต็มกันเเละกัน

“งานวรรณกรรมเป็นอีกมิติหนึ่งที่จะทำให้ความเป็นไทยออกสู่สากลได้ เเต่ยังมีอุปสรรคทางภาษา เช่นการเเปล อย่างการเเปลร้อยเเก้วอาจจะง่าย เเต่การเเปลร้อยกรองนั้นหากแปลผิดก็จะทำให้โลกมองเราผิด ผมจึงอยากให้มีสถาบันภาษาเเละวรรณกรรมเเห่งชาติขึ้นมาเพื่อตรวจสอบเเละส่งเสริมสิ่งเหล่านี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ไม่ใช่การเอาความหวังไปฝากไว้หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง”

You May Also Like

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *